ถ้าไม่นับเรื่องภูตผีวิญญาณที่มนุษย์ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ แต่ก็กลายเป็นเรื่องที่มีทั้งคนเชื่อเป็นตุเป็นตะและมีทั้งคนที่ไม่เชื่อแบบหัวชนฝา ก็คงจะเป็นเรื่องลับลึกของสิ่งมีชีวิตนอกโลกที่เรียกว่า “มนุษย์ต่างดาว” แม้จะมีหลักฐานอยู่จำนวนไม่น้อย แต่ก็ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าหลักฐานเหล่านั้นเป็นของจริง หรือแค่ของที่ทำกันขึ้นมามั่วกันแน่ และถึงจะมีการโต้เถียงในวงกว้างเกี่ยวกับการมีตัวตนของสิ่งมีชีวิตเหล่านั้น แต่นี่ก็คือหลักฐานบางส่วนที่พอจะทำให้เชื่อว่าเราอาจไม่อยู่เพียงลำพังในจักรวาลนี้…ก็เป็นได้
1.The Starchild skull
จากการขุดค้นเหมืองเก่าๆ แห่งหนึ่งในประเทศเม็กซิโก คนงานและทีมนักสำรวจได้พบกับ The Starchild skull ซึ่งเป็น กะโหลกศีรษะรูปร่างคล้ายของมนุษย์ที่รูปร่างผิดปกติ ซึ่งถูกฝังรวมกับโครงกระดูกมนุษย์ธรรมดา และหลังจากทำการวิเคราะห์โดยนักมนุษยวิทยาและศัลยแพทย์ ผลที่ได้ก็คือ หากนี่ไม่ใช่หัวกะโหลกของมนุษย์ที่มีความพิการหรือเป็นโรค ก็มีความเป็นได้สูงว่าหัวกะโหลกที่ผิดรูปนี้อาจเป็นของมนุษย์ต่างดาวจริงๆ เนื่องจากการตรวจสอบดีเอ็นเอยังพบว่า นี่ไม่ใช่ดีเอ็นเอมนุษย์ แต่เป็นของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเพศเมีย ที่ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าเจ้าของกะโหลกศีรษะนี้เป็นตัวอะไรกันแน่
2.Men in Black ( MIB )
ชายชุดดำไม่ได้มีเพียงในการ์ตูนโคนันหรือหนังเรื่องเอ็มไอบีเท่านั้น แต่ชายในชุดดำเป็นคำเรียก มนุษย์ที่มาเป็นกลุ่ม คนที่ชอบทำตัวลึกลับ แต่งกายด้วยชุดสูทสีดำ แว่นตาดำ หมวกดำ รวมทั้งมีผิวกายสีคล้ำ ที่มักปรากฏตัวมาภายหลังการพบเห็นยูเอฟโอหรือมนุษย์ต่างดาวในที่ต่างๆ ซึ่งเคยมีคำกล่าวอ้างจากพยานผู้พบเห็นว่า ชายในชุดดำเหล่านี้อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่พยายามข่มขู่ไม่ให้ผู้ที่พบเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นำเรื่องออกมาแพร่งพรายต่อสาธารณะ โดยเรื่องเล่านี้เริ่มมีขึ้นในช่วงปี 1947 และเริ่มมีการรายงานถึงการมีตัวตนของมนุษย์ชุดดำเหล่านี้บ่อยขึ้นในปี 1950 และ 1960 จนมีหลายคนเชื่อว่า คนเหล่านั้นน่าจะเป็นคนของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ที่พยายามปิดบังเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับการมีตัวตนของสิ่งมีชีวิตนอกโลกไม่ให้ใครรู้
3.Angel Hair
“เส้นผมนางฟ้า”เป็นปรากฏการณ์ที่หายากและยังไม่สามารถหาอธิบายได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีรายงานการพบเห็นทั่วโลก ถึงวัตถุที่มีลักษณะคล้ายเส้นไหมสีขาวที่เกาะกันเป็นกลุ่มเหมือนใยแมงมุม ที่หากโดนสัมผัสด้วยมือมันจะอันตรธานหายไปทันที ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่พบบ่อยมากในแถบอเมริกาเหนือ, นิวซีแลนด์, ออสเตรเลีย, และยุโรปตะวันตก ซึ่งหลายต่อหลายคนเชื่อว่านี่คือวัตถุที่เกี่ยวข้องกับการมีตัวตนของมนุษย์ต่างดาวที่เคยมาเยือนโลก แต่เนื่องจากความบอบบางของมันทำให้ไม่เคยมีใครได้ศึกษาตัวอย่างของมันจริงๆ สักครั้งเดียว และภาพส่วนใหญ่ที่บันทึกได้ก็เหมือนเป็นรังแมงมุมซะมากกว่า
4.Spooklight
Spooklight เป็นปรากฏการณ์แสงลึกลับที่เกิดขึ้นในพรมแดนระหว่างรัฐมิสซูรี่และโอคลาโฮมา ที่มีการพบเห็นแสงไฟปริศนาสีส้มขนาดเท่าลูกเบสบอล หมุนขึ้นลงเป็นวงกลมด้วยความเร็วสูงและหายไปเฉยๆ ซึ่งการปรากฏของแสงไฟนี้มีการพบเห็นมาตั้งแต่ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 แต่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักสักเท่าไหร่ เนื่องจากทั่วโลกกำลังอยู่ในภาวะสงคราม แต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง เรื่องแสงไฟที่ว่านี้ก็กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง ซึ่งบ้างก็ว่านั่นเป็นวิญญาณของหนุ่มสาวที่กำลังตามหาคนรัก บ้างก็ว่าเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดจากกลุ่มก๊าซในบรรยากาศ และแน่นอนแสงนั่นถูกโยงเข้าไปเกี่ยวกับเรื่องของยูเอฟโอด้วย
5.Cattle Mutilations
เรียกว่าเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความตื่นตระหนกไปทั่วโลก เมื่อมีการพบซากวัวที่ถูกชำแหละอยู่กลางทุ่งหญ้า และที่น่าผิดปกติที่สุด ก็คือซากที่ถูกชำแหละเหล่านั้นไม่มีคราบเลือดให้เห็นเลยสักหยด ราวกับเป็นการผ่าตัดศัลยกรรมโดยใช้ความร้อนสูงที่ทำให้เลือดและแผลแห้งติดกันทันที และส่วนใหญ่อวัยวะที่ถูกผ่าตัดไปนั้น มักเป็นอวัยวะสำคัญๆ อย่าง เนื้อหนังที่ถูกลอกออกจากขากรรไกบนอย่างเรียบเนียน รวมทั้งอวัยวะสำคัญบางส่วน เช่น อวัยวะสืบพันธุ์ หู ลิ้น หัวใจ ดวงตา ที่โดนนำออกไปโดยไม่มีเลือดออกสักหยด ซึ่งปรากฏการณ์เช่นนี้ทำให้หลายคนเชื่อว่า สัตว์ที่ถูกชำแหละนั้นอาจถูกลักพาตัวและโดนผ่าตัดโดยมนุษย์ต่างดาว ก่อนจะนำร่างมาคือไว้ที่เดิม
6.Greys
หากจะมีมนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์ที่มีชื่อเสียงที่สุด ก็คงเป็นมนุษย์ต่างดาวเกรย์ที่ถูกกล่าวว่าเป็นมนุษย์ต่างดาวที่ถูกพบเห็นมากที่สุด และมักนำไปเชื่อมโยงกับการลักพาตัวมนุษย์เพื่อไปทดลอง โดยมีการกล่าวถึงลักษณะว่าเหมือนมนุษย์ที่มีสีผิวเป็นสีเทา รูปร่างมีผอมบาง สูงประมาณ 3.5-4.5 ฟุต บ้างว่ามีสามหรือสี่นิ้ว ศีรษะใหญ่ ไม่มีผม ดวงตาสีดำขนาดใหญ่ โพรงจมูกและริมฝีปากเล็ก ไม่มีหู และมีเลือดสีขาวเหลือง อีกทั้งมันยังมีความสามารถสื่อสารด้วยโทรจิต แม้จะมีงานวิจัยว่าผู้คนทั่วโลกส่วนหนึ่งเคยมีประสบการณ์เผชิญหน้ากับเกรย์มาก่อน แต่ก็ไม่เคยมีหลักฐานการพบเห็นที่ชัดเจนหรือยืนยันได้เลยแม้แต่น้อยว่ามีมนุษย์ต่างดาวชนิดนี้อยู่จริงๆ
7.Star jelly
เป็นอีกหนึ่งสสารลึกลับที่มีลักษณะคล้ายวุ้น ที่มีคำกล่าวว่าเป็นของที่ติดมากับฝนดาวตก ซึ่งมีการค้นพบสสารที่ว่านี้ตั้งแต่ปี 1950 แต่ไม่เคยมีใครได้ศึกษาส่วนประกอบของเยลลี่ที่ว่านี้เลยสักครั้ง เพราะเมื่อจะเคลื่อนย้าย เยลลี่ที่ว่าก็จะละลายหายไปทันที เหลือไว้เพียงของเหลวและชิ้นส่วนขนาดเล็กที่ไม่มีการตรวจพบดีเอ็นเอหรือส่วนประกอบของสิ่งมีชีวิตใดๆ ทั้งสิ้น
8.Alien abduction
“การลักพาตัวโดยมนุษย์ต่างดาว”นับเป็นเหตุการณ์การเผชิญหน้าที่สร้างความตื่นตระหนกไปทั่วโลก เมื่อมีผู้คนกลุ่มหนึ่งยืนยันว่าตัวเองเคยถูกลักพาตัวโดยมนุษย์ต่างดาว ที่ส่วนใหญ่มักมาในรูปแบบการลักพาตัวคล้ายๆ กันคือ มีแสงไฟขนาดใหญ่ดึงตัวเขาออกไปจากรถหรือห้องนอน และหลังจากนั้นก็ตื่นขึ้นมาในสถานที่เดิมโดยที่ความทรงจำก่อนหน้านั้นหายไป และหลายสัปดาห์ต่อมาก็เริ่มมีความฝันประหลาดเกี่ยวกับตัวมนุษย์ต่างดาว ซึ่งบางรายระบุว่าในความฝันนั้นรู้สึกว่ามันสมจริงมากจนทำให้เกิดความเครียด และต้องไปค้นหาจุดเริ่มต้นของความเครียดนั้น จนทำให้นึกถึงเหตุการณ์บางอย่างขึ้นมา
8.Ancient astronauts
เป็นทฤษฏีที่ว่าด้วยการกำเนิดมนุษย์โลกที่เชื่อว่าในสมัยโบราณนั้น มนุษย์ได้รับอิทธิพลและองค์ความรู้บางอย่างจากมนุษย์ต่างดาวที่มาเยี่ยมเยือนโลกในอดีต ทำให้มนุษย์มีพัฒนาการแบบก้าวกระโดดมาก ณ ช่วงเวลาหนึ่ง และส่งผลให้มนุษย์เกิดความนับถือมนุษย์ต่างดาวเสมือนกับพระเจ้า และเป็นจุดเริ่มต้นทางความเชื่ออื่นๆ ตามมา เช่น เทพเจ้าโบราณที่รูปร่างหน้าตาเหมือนนก หรือสัตว์เลื้อยคลานแต่ตัวเป็นคน ที่ค้นพบบนภาพฝาผนังหรือรูปแกะสลักที่คล้ายนักบินอวกาศในปัจจุบัน
9.Solway Firth Spaceman
<หนึ่งในภาพถ่ายที่มีชื่อเสียงและโด่งดังที่สุดเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว ที่ถูกถ่ายในปี 1964 โดยจิม เทอป์เพลตัน ที่ถ่ายภาพลูกสาววัย 5 ขวบของเขาในพื้นที่บะระห์ ซึ่งสามารถมองเห็นโซลเวย์เฟิร์ธ คัมเบอร์แลนด์ ซึ่งเป็นพรมแดนระหว่างสกอตแลนด์และอังกฤษ และเมื่อล้างภาพถ่ายออกเขาก็ต้องตกใจกับสิ่งแปลกปลอมคล้ายนักบินอวกาศยืนอยู่ข้างหลังลูกสาวของเขา ทั้งที่ตอนที่ถ่ายรูปดังกล่าวบริเวณโดยรอบไม่มีคนอื่นอยู่ใกล้เลย และเมื่อภาพถ่ายถูกเผยแพร่ออกไป ก็ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐพยายามขอร้องให้จิมยืนยันต่อสาธารณะว่ารูปถ่ายดังกล่าวนั้นเป็นของปลอมที่ถูกทำขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าจิมได้ปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือ และยังภาพดังกล่าวได้ให้นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญการถ่ายภาพยืนยันด้วยว่า ภาพนี้ไม่ได้ใช้เทคนิคการถ่ายรูปใดๆ ทั้งสิ้น และอาจเป็นภาพถ่ายมนุษย์ต่างดาวของจริงก็เป็นได้
ข้อมูลโดย spokedark.tv